การบำรุงรักษารถ 𝐇𝐲𝐛𝐫𝐢𝐝 และค่าใช้จ่าย

โดยหลักการแล้วรถ Hybrid ทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็น HEV, PHEV, EREV ต่างก็มีสองระบบ คือมีทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้มีภาระในการบำรุงรักษาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรถที่มีระบบเดียว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์น้ำมันหรือไฟฟ้าล้วนก็ตาม เพราะชิ้นส่วนและความซับซ่อนในการทำงานร่วมกันที่เพิ่มขึ้น ก็หมายถึงว่ามีกลไกที่ต้องบำรุงรักษามากขึ้น ใช้ค่าใช้จ่ายมากขึ้นตามไปด้วย

Vasin Permsup

07/03/2023

รถ 𝐏𝐇𝐄𝐕 ชาร์จไฟตามสถานีชาร์จได้หรือไม่?

ระบบชาร์จมักเป็นแบบ AC ที่มีอัตราการชาร์จไม่เกิน 7 kW เนื่องจากแบตเตอรี่ไม่ใหญ่มาก จึงมักจะไม่มีระบบรองรับการชาร์จแบบไฟ DC (Fast Charge) ซึ่งทำให้ชาร์จได้เร็วแค่เท่ากับเครื่องชาร์จตามบ้าน (Wall Charger หรือ Wall box) ทั่วไปซึ่งต้องใช้เวลาชาร์จหลายชั่วโมง ซึ่งไม่เหมาะกับการแวะช่าร์จระหว่างเดินทางไกล และก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลารอขนาดนั้นด้วยเพราะถ้ามีน้ำมันในถังก็วิ่งได้แล้ว

Vasin Permsup

27/02/2023

รถ 𝐇𝐲𝐛𝐫𝐢𝐝 ขับแบบ 𝐎𝐧𝐞-𝐏𝐞𝐝𝐚𝐥 ได้หรือไม่?

โดยปกติการขับขี่แบบใช้คันเร่งเพียงอย่างเดียวหรือ One-Pedal driving ที่มีในรถ BEV นั้นก็คือ พอถอนเท้าจากคันเร่งปั๊บก็ให้รถเริ่มทำการลดความเร็วด้วยการหน่วง หรือใช้ระบบเบรคแบบ Regenerative ได้เลยโดยยังไม่ต้องเหยียบแป้นเบรค ซึ่งถ้าใช้จนคล่องแล้วก็อาจจะลดโอกาสที่ต้องย้ายเท้าไปเหยียบแป้นเบรคให้ลดลงเหลือแต่เท่าที่จำเป็น

Vasin Permsup

27/02/2023

รถ Hybrid ตอนขับแบบไฟฟ้าล้วนจะเหมือนรถ 𝐁𝐄𝐕 หรือไม่

โดยหลักการแล้วทั้งรถ Hybrid ทั้ง HEV และ PHEV เวลาที่วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน (mode EV) ก็จะให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับรถไฟฟ้า 100% หรือ BEV แต่อาจจะไม่ได้การตอบสนองที่แรงเท่า เพราะมักจะใส่มอเตอร์มาในขนาดเล็กกว่ารถไฟฟ้าล้วน นอกจากนี้การเร่งที่ตัวมอเตอร์อาจรู้สึกหน่วงกว่าอยู่บ้าง เนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ยังอาจมีการสูญเสียกำลังผ่านระบบเกียร์ที่ต้องทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ด้วย (ถึงแม้เครื่องยนต์จะไม่ติดในขณะนั้นก็ตาม) ในขณะที่รถ BEV ไม่มีตรงนี้ แต่ความแตกต่างนี้จะมากน้อยขึ้นกับการออกแบบรถแต่ละรุ่น และความรู้สึก “ทันใจ” ของผู้ขับขี่แต่ละคนด้วย

Vasin Permsup

27/02/2023

ระบบเบรคสร้างพลังงานคืน (𝐑𝐞𝐠𝐞𝐧𝐞𝐫𝐚𝐭𝐢𝐯𝐞 𝐁𝐫𝐚𝐤𝐢𝐧𝐠)

ระบบเบรกแบบที่สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้ากลับคืนได้นี้ มีชื่อเรียกกันหลายอย่าง ตั้งแต่ Regenerative Braking หรือ Kinetic Energy Recovery System (KERS) หรืออื่นๆ เช่น ระบบเบรกฟื้นฟูพลังงาน (Recuperative Braking) แต่โดยรวมแล้วคือการเอามอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวกับที่ใช้ขับเคลื่อนรถนี่แหละ มาปั่นไฟกลับคืนเพื่อชาร์จแบตเตอรี่𝐇𝐲𝐛𝐫𝐢𝐝

Vasin Permsup

27/02/2023

𝐌𝐨𝐝𝐞 การทำงานของรถ 𝐇𝐲𝐛𝐫𝐢𝐝

รถ Hybrid แต่ละยี้ห้อ แต่ละรุ่นก็อาจมี mode การทำงานที่แตกต่างกันออกไปวิธีการควบคุมให้เข้า Mode เหล่านั้นก็มีทั้งใช้ปุ่มกด ใช้สวิทช์แบบโยกได้หลายตำแหน่งหรือบาง Mode การทำงานก็ไปรวมเข้ากับเกียร์ แต่โดยรวมแล้วจะมีที่คล้ายๆ กันดังนี้(บางรุ่นอาจมีไม่ครบทุก Mode หรือมีมากกว่า หรือเรียกชื่อแตกต่างจากนี้)

Vasin Permsup

09/02/2023

รถ 𝐇𝐲𝐛𝐫𝐢𝐝 ประหยัดกว่ารถน้ำมันได้อย่างไร?

ตามปกติรถที่ใช้น้ำมันเครื่องยนต์ทำงานก็จะมีช่วงที่เร่งออกตัว (หรือเร่งแซง) ช่วงที่วิ่งด้วยความเร็วคงที่ แล้วก็ช่วงเบรค ซึ่งในสามช่วงนี้ ช่วงที่ออกตัวก็จะเปลืองพลังงานมากที่สุด เพราะเราต้องเร่งเครื่องยนต์จนถึงรอบสูงระดับหนึ่ง เครื่องยนต์ถึงจะมีกำลังมากพอที่จะทำให้รถสามารถออกตัวเคลื่อนที่ไปได้ ส่วนช่วงที่กินพลังงานน้อยที่สุดคือช่วงที่วิ่งด้วยความเร็วคงที่

Vasin Permsup

08/02/2023

เครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้าและระบบเกียร์ของรถ 𝐇𝐲𝐛𝐫𝐢𝐝

เครื่องยนต์ของรถ Hybrid มีการทำงานในลักษณะคล้ายกับเครื่องยนต์ของรถยนต์ปกติ เพียงแต่มีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเสริมแรง ผู้ผลิตจึงมักจะติดตั้งเครื่องยนต์ที่มีกำลังต่ำลงบ้าง (ขนาดเล็กลง ความจุของกระบอกสูบหรือ CC ก็ลดลง เช่น แทนที่จะใช้เครื่อง 2,000 CC ก็อาจใช้แค่ 1,500 CC เมื่อรวมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแล้วก็จะได้กำลังและแรงบิดในการขับเคลื่อนพอๆ กับเครื่อง 2,000 CC หรือบางทีอาจมากกว่าด้วยซ้ำ)

Vasin Permsup

08/02/2023

รู้จักกับ 𝐖𝐞𝐛𝐀𝐬𝐬𝐞𝐦𝐛𝐥𝐲

ปกติ web application หรือ web apps จะทำงานด้วยภาษา JavaScript เป็นหลัก ร่วมกับ HTML และ CSS ซึ่ง จะรันได้ภายใต้ browser ทุกตัวทั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์อื่นๆ ได้ในลักษณะเดียวกัน แต่ ปัญหาหลักของ JavaScript ก็คือเรื่อง performance ที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ไม่เหมาะกับงานที่เน้นการประมวลผล หนักๆ (CPU-intensive task) เช่น เกม การประมวลที่เกี่ยวกับภาพ เสียง วิดีโอ การเข้ารหัส/ถอดรหัส ฯลฯ ซึ่งไม่ สามารถทำได้เร็วใกล้เคียงกับการรันโปรแกรมภายนอกบราวเซอร์ จึงมีการพัฒนามาตรฐานใหม่ของโค้ดที่สามารถรัน ใต้บราวเซอร์ขึ้น โดยออกแบบให้ทำงานในระดับ low-level มากขึ้น และอยู่ในรูปโค้ดที่ผ่านการ compile เป็น binary และผ่านการ optimize ให้เหมาะกับการทำงานภายใต้การทำงานของ browser มาแล้ว (ต่างจาก JavaScript ที่จะต้อง มีการโหลดไฟล์ code ที่เป็น text และการ interpret + optimize ก่อนจะทำงานแต่ละครั้ง ทำให้การเริ่มต้นทำงานของ โปรแกรมค่อนข้างใช้เวลานานและมีความเร็วจำกัด) แต่ยังคงรักษาความ compatibility และ portability กับ browser ทุกตัวไว้ได้ ซึ่งมาตรฐานของ code แบบนี้คือที่เรียกว่า WebAssembly หรือย่อว่า Wasm (รูปแบบไฟล์ .wasm)

ศุภชัย สมพานิช

04/01/2023
1 2 3 73